วันพฤหัสบดีที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

คราเคน (Kraken)


.::KRAKEN::.


        คราเคน (Kraken) เป็นสัตว์ยักษ์ในตำนานที่ชาวทะเลเหนือหวาดกลัว มักเล่าว่าคล้ายหมึกกระดองขนาดยักษ์ โผล่ขึ้นจากน้ำพรวดเดียวก็สูงกว่าเสากระโดงเรือ ชอบโจมตีเรือเดินสมุทรอย่างกระทันหัน โอบหนวดของมันรัดลำเรือเอาไว้ หนวดที่เหลือมันจะรัดลูกเรือจนกระดูกแหลกเหลว บ้างก็รัดเข้ามาป้อนเข้าปากอันน่ากลัว

     คราเคนถูกเล่าขานมานานเท่าใดไม่ปรากฏ แต่บันทึกที่เป็นหลักฐานครั้งแรก มาจากนอร์เวย์ เป็นเรื่องราวที่อ้างถึงสิ่งมีชีวิตขนาดเท่าเกาะ ในหนังสือชื่อ "The Natural History of Norway" ที่เขียนโดยบิชอปแห่งเบอร์เก้น Erik Ludvigsen Pontoppidan ท่านได้บรรยายเกี่ยวกับคราเคนเอาไว้ว่า มันเปรียบเสมือนเกาะลอยน้ำขนาดย่อม ลำตัวยาวถึงครึ่งไมล์ 
 

     สมัย โบราณคราเคนเป็นสิ่งที่ชาวเรือต้องระมัดระวังมากที่สุด กลาสีที่อยู่ด้านบนต้องคอยมองหาร่องรอยฟองน้ำขนาด ใหญ่ผุดฟ่องขึ้นเพราะนั่น คือเครื่องหมายการ ปรากฏตัว ถ้าหากหนีไม่ทันมันจะโผล่หนวดขึ้นข้างเรือ จับยึดเสากระโดงรวมทั้งส่วนต่างๆจนเรือนิ่งสนิทอยู่ในอุ้งมือ หนวดที่เหลือมันจะรัดลูกเรือจนกระดูกแหลกเหลวแล้วค่อยๆคว้าเอาหย่อนเข้าปาก ทีละคน จนหมด...

     เรื่องราวในช่วงถัดมาเกี่ยวกับคราเคนก็ค่อยๆ ลดขนาดของมันลงเรื่อยๆ ไม่มหึมาโอฬาร แต่ก็ยังมีขนาดยักษ์
 

      นักชีววิทยาเชื่อว่า ที่แท้เป็นหมึกมหึมาชนิดหนึ่ง อยู่ในทะเลลึก และเมื่อตายจะเป็นซากลอยเกยหาด จนชาวประมงพบเห็นและจินตนาการเพิ่มเติมเกินจริง หมึกมหึมามีขนาดใหญ่จริง แต่ไม่เท่าเรื่องเล่าในตำนาน มีซากตัวอย่างที่ยาวเท่าเรือเร็ว และมีหลักฐานจากซาก วาฬสเปิร์ม ว่าวาฬพยายามกินหมึกชนิดนี้ และต่อสู้กัน




 
     ใน พ.ศ. 1930 มีรายงานการโจมตีเรือของหมึกดังกล่าว นักชีววิทยาและผู้ชำนาญการคาดว่า หมึกมหึมา (Giant Squid) โจมตีเพราะเรือมีลักษณะคล้ายปลาวาฬศัตรูของหมึกจนเข้าใจผิด และจากรายงานของผู้ประสบเหตุอ้างว่า หมึกดังกล่าวมี ขนาดมหึมา โดยเฉลี่ยประมาณ 100 ฟุต น้ำหนักประมาณ 2-3 ตัน ส่วน มากเกิดกับเรือเดินทะเลที่ข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกเท่านั้น 




CREDIT : http://writer.dek-d.com/0012/story/viewlongc.php?id=446421&chapter=4

แคนแคระ (อังกฤษ: Dwarf)


:.:DWARF:.:

    
คนแคระในแบบยุโรป  (European's Dwarf)

 
     
     แคนแคระ (อังกฤษ: Dwarf) เป็นสิ่งมีชีวิตที่ปรากฏในตำนานปรัมปราในกลุ่มประเทศเจอร์เมนิก (สแกนดิเนเวียและเยอรมัน) ปรากฏในเทพนิยาย นิยายแฟนตาซี และเกมอาร์พีจีจำนวนมาก มักมีพรสวรรค์อันวิเศษโดยเฉพาะด้านเกี่ยวกับการเหมืองและการโลหะ
     แนวคิดเริ่มแรกเกี่ยวกับกำเนิดตำนานของคนแคระไม่สามารถระบุได้แน่ชัด แหล่งกำเนิดที่ใกล้เคียงที่สุดเท่าที่สามารถค้นพบคือใน ตำนานปรัมปราของเจอร์ เมนิกที่สืบทอดมาจากตำนานนอร์ส แต่กระนั้นก็หาหลักฐานได้ยากและมีรูปแบบหลากหลายมาก เรื่องราวที่ผิดเพี้ยนไปทำให้คนแคระดูน่าขบขันมากขึ้นและช่างเชื่อถือโชคลาง คนแคระมีลักษณะคล้ายมนุษย์ แต่เรื่องเล่าระบุถึงความสูงและชีวิตความเป็นอยู่แตกต่างกันไป บางเรื่องถึงกับบรรยายพวกเขาไปคล้ายกับพวกเอลฟ์ เมื่อพิจารณาจากแหล่งข้อมูลที่เก่าแก่ที่สุดและจากลักษณะตามธรรมชาติของคน แคระ เชื่อได้ว่าในยุคแรกๆ คนแคระมีความสูงพอกันกับมนุษย์นี้เอง บทบาทของพวกเขาในตำนานมักมีความผูกพันใกล้ชิดกับความตาย มีผิวกายซีด ผมสีเข้ม ชอบอยู่กับพื้นโลก มีประเพณีที่นิยมนับถือลัทธิภูตผี ซึ่งสอดคล้องกับความผูกพันกับความตาย บางครั้งมี ลักษณะคล้ายคลึงกับพวก 'Vættir' หรือจิตวิญญาณแห่งธรรมชาติ เช่นพวกเอลฟ์

 
     ตำนานปรัมปราเกี่ยวกับคนแคระที่พัฒนาการต่อมา มีข้อเปลี่ยนแปลงที่สำคัญคือ พวกเขาดูน่าขบขันมากขึ้น มีความลึกลับมากขึ้น คนแคระเริ่มมีรูปร่างเตี้ยลงและน่าเกลียดมากขึ้นตามภาพลักษณ์ในยุคใหม่ รวมถึงภาพการใช้ชีวิตใต้พื้นดินของพวกเขาก็โดดเด่นยิ่งขึ้น คนแคระเป็นสิ่งมีชีวิตมหัศจรรย์ที่มีทักษะด้านการโลหะอย่างวิเศษ มีชื่อเสียงในการสร้างของวิเศษในตำนานมากมาย แนวคิดเกี่ยวกับคนแคระในตำนานนอร์สยุคหลังมีความแตกต่างจากตำนานดั้งเดิมมาก คนแคระในแนวคิดใหม่นี้ไปปรากฏในเทพนิยายและนิทานพื้นบ้านในยุคหลังมากขึ้น (ดูเพิ่มเติมใน นิทานพื้นบ้านเยอรมัน และนิทานพื้นบ้านดัตช์) พวกเขา กลายเป็นสิ่งมีชีวิตซึ่งมีเวทมนตร์ ไม่สามารถมองเห็นได้ เป็นเจ้าแห่งมนตร์มายา คำสาป และคำล่อลวง

     แฟนตาซีและวรรณกรรมยุคใหม่ช่วยกันถักทอความเจ้าเล่ห์แสนกลให้กับเหล่าคนแคระ เพิ่มเติมไปยิ่งกว่าคนแคระดั้งเดิม คนแคระในยุคใหม่ จึงมีลักษณะเฉพาะตัวคือ มีร่างกายเตี้ยแคระ ผมและขนดกหนา มีความสามารถในการทำเหมืองและการช่างโลหะอย่างพิเศษอย่างไรก็ดี วรรณกรรมยุคใหม่ยังบรรยายภาพของคนแคระที่แตกต่างกันออกไปอีกตาม แต่ตำนานและประวัติศาสตร์ของแต่ละท้องถิ่น วรรณกรรมแฟนตาซีหลายเรื่องประดิษฐ์คิดค้นอำนาจหรือภาพลักษณ์ของคนแคระขึ้น ใหม่ ทำให้ "คนแคระ" ในตำนานยุคใหม่ไม่อาจมีคำจำกัดความที่ชัดเจนได้

     แต่แนวคิดเรื่องคนแคระมีร่างเตี้ยดูจะเป็นประเด็นที่มั่นคงไม่เปลี่ยนแปลง มากที่สุด และคำว่า "คนแคระ" (dwarf) ก็ถูกนำมาใช้บรรยายถึงมนุษย์ร่างเตี้ยโดยทั่วไปไม่ว่าจะมีอำนาจเวทมนตร์หรือ ไม่ ดังนั้นคำจำกัดความสากลในยุคใหม่สำหรับคำว่า คนแคระ จึงหมายถึงสิ่งมีชีวิตร่างเตี้ย มีความเกี่ยวข้องกับเวทมนตร์ อยู่ในวรรณกรรมแฟนตาซีและเทพนิยาย




     คนแคระ ในตำนาน เป็นสิ่งมีชีวิตที่มีลักษณะเหมือนคนตัวเล็กๆ อันนี้ต้องบอกก่อนว่า คำว่าตัวเล็กในที่นี้คือ ตัวเตี้ยกว่ามนุษย์ถึง1/2เท่า บางตำนานก็กล่าวเช่นนั้น แต่บางตำนานก็บอกว่าเล็กจริงๆนะ ทั้งขนาดตัวและความสูงด้วย แต่อย่านำไปปะปนกับศัพย์ที่ใช้ทางชีววิทยานะ

      Dwarf นี้ จะมีอายุยืนยาว ดังนั้นในบางตำนานถึงเกือบทุกตำนาน จะเห็นเป็นภาพคนเตี้ยอ้วนป้อม หนวดเครายาวเฟิ้มหน้าตาแก่ๆหน่อย ถิ่นที่อยู่อาศัยที่ชอบก็ได้แก่ในถ้ำต่างๆ หรืออุโมงค์ใต้ดิน [บางตำนานว่าคล้ายๆกับว่าเป็นเนินดิน แล้วขุดเข้าไปอยู่ในนั้นน่ะ มองไปก็เหมือนเป็นเนินหญ้าที่มีปล่องไฟยื่นออกมาน่ารักดี] บางตำนานก็กล่าวว่าอยู่ในต้นไม้กลวงๆ

     Dwarf มีนิสัยอยางหนึ่งที่พบได้ในตำนานทั่วไปคือ เป็นผู้ที่ชื่นชอบและสะสมพวกของแร่ธาตุที่มีค่ามาก เช่นเพชรพลอย ทองคำ โลหะ เป็นต้น บางตำนานก็กล่าวว่าเป็นนักเหมืองแร่ตัวฉกาจ หรือนักประดิษฐ์ประดอยฝีมือเยี่ยม[ไม่ว่าจะเป็นอาวุธ หรือเครื่องของประดับ แล้วแต่ตำนานนะคะ] และมีนิสัยที่กล้าหาญ บางครั้งก็ดุดัน มุทะลุ เป็นนักรบฝีมือดีเยี่ยม มีความอดทนสูง อาวุธที่มักพบคือขวาน หรือพลวง






คนแคระในแบบมิดเดิลเอิร์ธ (Middle Earth's Dwarf)

 

 
     คนแคระ ในจินตนิยายของ เจ. อาร์. อาร์. โทลคีน เป็นสิ่งมีชีวิตที่มีรูปร่างเล็กเตี้ย แต่ล่ำสันแข็งแรง ทรหดอดทน มีหนวดเครายาวเฟิ้ม เป็นชนเผ่าที่ชำนาญในการช่างมากที่สุด พวกเขาเป็นมิตรอย่างมากกับพวกฮอบบิท พวกคนแคระเรียกตัวเองว่า คาซัด อันเป็นชื่อที่เทพอาวเลตั้งให้กับพวกเขา แต่พวกเอลฟ์เรียกพวกเขาว่า เนากริม ซึ่งมีความหมายว่า ชนผู้ไม่เติบโตอีกต่อไป

     คนแคระมีบทบาทอยู่ในวรรณกรรมของโทลคีนหลายเรื่อง ได้แก่ เดอะฮอบบิท เดอะลอร์ดออฟเดอะริงส์ ซิลมาริลลิออน ตำนานบุตรแห่งฮูริน รวมถึงงานเขียนอื่นๆ ของคริสโตเฟอร์ โทลคีนด้วย คือ Unfinished Tales และ ประวัติศาสตร์มิดเดิลเอิร์ธ


     ประวัติ

     ในจินตนิยายชุดมิดเดิลเอิร์ธของโทลคีน 'คนแคระ' เป็นสิ่งมีชีวิตชนิดเดียวที่ไม่ได้เกิดจากการสร้างสรรค์ของมหาเทพอิลูวาทาร์ แต่เกิดขึ้นจากการสร้างของวาลา นามว่า อาวเล ผู้เป็นเทพแห่งการช่าง เนื่อง จากไม่สามารถอดทนรอการมาถึงของเหล่าบุตรแห่งอิลูวาทาร์ได้ แต่ต่อมามหาเทพอิลูวาทาร์ก็รับเหล่าคนแคระเอาไว้เป็นบุตรบุญธรรม โดยมีข้อแม้ให้พวกเขาต้องนอนหลับอยู่ใต้ภูเขาก่อน จนกว่าบุตรผู้ใหญ่ของพระองค์ คือพวกเอลฟ์ จะตื่นขึ้นมาบนโลก

     อาวเล สร้างคนแคระขึ้นในยุคที่เมลคอร์กำลัง เรืองอำนาจ สร้างความวุ่นวายอยู่บนพิภพ ดังนั้นพระองค์ จึงสร้างให้คนแคระมีความทรหดอดทน ไม่ตกอยู่ในอำนาจชั่วร้ายโดยง่ายพวก คนแคระนับถือเทพอาวเลเป็นบิดาของตน และเชื่อกันว่า หลังจากสิ้นชีวิตไปแล้ว พวกเขาจะได้ไปอยู่ในท้องพระโรงของเทพอาวเล เพื่อคอยรับใช้พระองค์และร่วมในการรบครั้งสุดท้ายของอาร์ดา



 
     เหล่าคนแคระที่เทพอาวเลสร้างขึ้นเป็น ครั้งแรก มีจำนวนเจ็ดคน เรียกชื่อรวมกันในยุคต่อมาว่า บิดาของคนแคระ ในจำนวนนี้ ดูรินผู้อมตะ (Durin the Deathless) เป็นคนแคระที่มีอาวุโสสูงสุด ดูรินเป็นผู้ บุกเบิกก่อตั้งอาณาจักรคนแคระแห่งแรกบนโลก ที่คาซัดดูม มหานครใต้ขุน เขาฮิธายเกลียร์ เขาเป็นต้นตระกูลของคนแคระสายวงศ์ ลอง เบียร์ด (Longbeard)

     ต้นตระกูลคนแคระอีกสองคน เดินทางไปตั้งอาณาจักรของตนที่ทางตะวันตกของมิดเดิลเอิร์ธ โดยตั้งนครอยู่ในเทือกเขาเอเร็ดลูอิน พรมแดนตะวันออกของแผ่นดินเบเลริอันด์ ได้แก่ อาณาจักรโนกร็อด และเบเลกอสต์ เป็นต้นตระกูลของคนแคระในสายวงศ์ ไฟร์เบียร์ด (Firebeard) และ บรอด บีม (Broadbeam) ตามลำดับ ต้นตระกูลคนแคระอีก สี่คนที่เหลือ เดินทางไปตั้งอาณาจักรทางดินแดนตะวันออกไกลของมิดเดิลเอิร์ธ ไกลจนถึงเทือกเขาโอโรคาร์นิ คนแคระทั้งสี่นี้เป็นต้นตระกูลของคนแคระในสายวงศ์ ไอ รอนฟิสต์ (Ironfist), สติฟเบียร์ด (Stiffbeard), แบล็คล็อก (Blacklock) และ สโตนฟุต (Stonefoot) พลเมืองในสายวงศ์ เหล่านี้ไม่ได้ปรากฏบทบาทในปกรณัมชุดมิดเดิลเอิร์ธ


     ภาษาของคนแคระคือ คุซดุล (Khuzdul) เป็นภาษาที่พวกเขาใช้เจรจากันเองเป็นการภายใน และไม่ยอมสอนให้กับเผ่าพันธุ์อื่นได้เรียนรู้ โดยพวกเขายอมที่จะไปศึกษาภาษาของพวกเอลฟ์เสียเอง

(อักษรเคียร์ธ ซึ่งคนแคระใช้ในการเขียนภาษาคุซดุล)

     คนแคระถนัดใช้ขวานเป็นอาวุธมากที่สุด แต่ก็สามารถสร้างอาวุธชั้นดีอื่นๆ ได้เป็นจำนวนมาก พวกเขานิยมตั้งอาณาจักรอยู่ใต้ภูเขา จึงไม่สามารถทำการเกษตรได้ อาหารของพวกเขาได้มาจากการทำการค้าแลกเปลี่ยนกับพวกเอลฟ์ ในยุคแรกคนแคระมีสัมพันธภาพอันดีกับพวกเอลฟ์ บุกเบิกทำการค้ากับพวกเอลฟ์มาตั้งแต่สมัยยุคที่หนึ่ง ได้สร้างอาวุธชั้นดีให้กับพวกเอลฟ์เป็นจำนวนมาก

     ***แต่ภายหลังเกิดเหตุขัดแย้งวิวาทกันด้วยอำนาจของดวงมณีซิ ลมาริลที่ประดับอยู่บนสร้อยพระศอเนากลาเมียร์ เกิดสงครามแย่งชิงซิลมาริลระหว่างคนแคระกับเอลฟ์แห่งอาณาจักรโดริอัธของ กษัตริย์ธิงโกล และกลายเป็นรอยด่างพร้อยระหว่างชาติพันธุ์ทั้งสองมาโดยตลอด 



     เผ่าพันธุ์

     คนแคระแบ่งออกได้เป็นสามตระกูลใหญ่ คือ ลองเบียร์ด ไฟร์เบียร์ด และ บรอดบีม คนแคระในตระกูลลองเบียร์ด บางครั้งเรียกว่า พลเมืองของดูริน มีจำนวนมากที่สุดและมีบทบาทอยู่มากในยุคที่สาม คนแคระทั้งสามตระกูลปกครองอาณาจักรต่างๆ ในมิดเดิลเอิร์ธดังนี้

               * โนกร็อด อาณาจักรคนแคระในยุคที่หนึ่ง เมืองของคนแคระสายวงศ์  ไฟร์เบียร์ด
               * เบเลกอสต์ อาณาจักรคนแคระในยุคที่หนึ่ง เมืองของคน แคระสายวงศ์ บรอดบีม
               * คา ซัดดูม หรือ มอเรีย อาณาจักรคนแคระแห่งแรก ตั้งขึ้นตั้งแต่ยุคที่หนึ่ง เมืองของคนแคระสายวงศ์ ลองเบียร์ด
               * เอเรบอร์ หรือภูเขาโลนลี่ อาณาจักรคนแคระที่ตั้งขึ้นในยุคที่สาม แยกตัวออกมาจากคาซัดดูม พลเมืองจึงเป็นตระกูล ลองเบียร์ด เช่นกัน

     นอกจากนี้ยังมีเผ่าพันธุ์เล็กๆ ของคนแคระอีกกลุ่มหนึ่ง คือ คนแคระค่อม (Petty Dwarves) ภาษาซินดารินเรียกว่า นอยกิธนิบิน ปรากฏในงานเขียนเรื่อง ตำนานบุตรแห่งฮูริน ตำนานเล่าว่าพวกเขาถูกเนรเทศออกจากอาณาจักรของคนแคระด้วยความผิดอย่างใด อย่างหนึ่ง ต้องเร่ร่อนไปในดินแดนเบเลริอันด์ นานไปฝีมือช่างก็ด้อยลง ร่างก็เล็กแกร็นลง จนต้องหาเลี้ยงชีพด้วยการขุดของป่าและด้วยการลักขโมย คนแคระค่อมคนสุดท้ายที่ปรากฏในตำนานคือ มีม



     สิ่งประดิษฐ์

     เผ่าพันธุ์คนแคระได้ชื่อว่าเป็นกลุ่มที่มีฝีมือช่างดีที่สุดบนมิดเดิลเอิร์ธ เสมอกันกับชาวโนลดอร์ (เนื่องจากเป็นศิษย์ของอาวเล เทพแห่งการช่าง เช่นเดียวกัน) สิ่งประดิษฐ์ที่มีชื่อเสียงของพวกคนแคระในปกรณัมชุดมิดเดิลเอิร์ธ ได้แก่

    * สร้อยพระศอเนากลาเมียร์
    * หมวกเกราะมังกรแห่งตระกูลฮาดอร์
    * ดาบนาร์ซิล
    * เสื้อเกราะมิธริล





CREDIT http://writer.dek-d.com/0012/story/viewlongc.php?id=446421&chapter=3

ก็อบลิน (Goblin)


GOBLIN


      ก็อบลิน (Goblin) คือเป็นพวกโนมที่มีรูปร่างวิกลวิการ พวกมันชอบเล่นสนุก แต่บางครั้งก็ชั่วร้ายและเต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยมสามารถทำอันตรายแก่ผู้คน รอยยิ้มของก็อบลินทำให้เลือดหยุดไหล เสียงหัวเราะทำให้นมบูดและผลไม้หล่น ก็อบลินมีต้นกำเนิดมาจากฝรั่งเศส
 


 
ก็อบลิน ( ตัวแสบในเทพนิยายตะวันออก)

     ในหนังสือ"สัตว์มหัศจรรย์ และถิ่นที่อยู่ "เขียนโดยนิวท์ สคามันเดอร์ บอกไว้ว่าในยุคแรก มีการจำแนกแบบหยาบๆไว้ว่า "สิ่งมีชีวิตที่ไม่ถือเป็นสัตว์แต่เป็นสิ่งมีชีวิตชั้นสูง คือพวกที่เดิน 2เท้า" แต่ปรากฏว่าพวกที่เดิน2เท้ามีมากมายเช่น พิกซี่ โทรลล์ ฯลฯ แต่พวกนี้ไม่มีสติปัญญาพอที่จะสื่อสารหรือเข้าใจภาษาพูดได้

     ดังนั้น ค.ศ.1811 โกรแนน สตัมป์ รัฐมนตรีกระทรวงเวทมนตร์จึงบัญญัติว่า "สิ่งมีชีวิตชั้นสูง"คือ สิ่งมีชีวิตใดๆที่มีความเฉลียวฉลาดพอที่จะเข้าใจกฎหมายของโลกเวทมนตร์ และมีส่วนในการกำหนดตัวบทกฏหมายเหล่านั้นได้" ก็อบลินก็เป็นส่วนหนึ่งในนั้นเช่นกัน และก็อบลินยังฉลาด มีความสามารถในการ ดูแลธนาคารกริงกอตส์ ถ้าไม่จัดให้เขาเป็นสิ่งมีชีวิตชั้นสูง สถาบันการเงินของโลกเวทมนตร์มีอันต้องวุ่นแน่ๆ





     ก็อบลินไม่ใช่คนแล้วก็ไม่ใช่สัตว์ด้วย (ถึงไม่มีอยูในหนังสือสัตว์มหัศจรรย์ และถิ่นที่อยู่) แต่จัดเป็นสิ่งมีชีวิตชั้นสูง(ตามที่กระทรวงกำหนด)มีรูปร่างเหมือนมนุษย์ แคระ มีนิ้วมือ นิ้วเท้าที่ยาวมาก มีลักษณะนิสัยขี้เล่น แต่ดุร้ายบางครั้ง-หลายครั้ง เล่ห์เลี่ยมจัดจนเป็นอันตรายต่อมนุษย์เป็นอย่างมาก

     รอยยิ้มของก็อบลินน่ากลัวจนอาจทำให้เลือดแข็งตัวได้ง่ายๆ เสียงหัวเราะของก็อบลินสามารถทำให้นมบูด และทำให้ผลไม้ที่ยังไม่สุกหลุดร่วงจากต้นได้ พวกมันชอบก่อกวนมนุษย์ด้วยวิธีมากมาย เช่นเอาของเล็กๆไปซ่อน คว่ำแก้วนม และแกล้งเปลี่ยนป้ายบอกตามทางเพื่อให้คนหลงทางเล่นๆ 







 
     ชาวตะวันตกเชื่อว่า ก็อบลินมีต้นกำเนิดอยู่ในประเทศฝรั่งเศส มักอาศัยอยู่ตามรอยแตกของหินในเทือกเขาปิเรเน่ และแพร่พันธุ์ได้อย่างรวดเร็วไปทั่วยุโรปพวกมันไม่สร้างที่พักอาศัยเป็น เรื่องเป็นราวแต่จะอยู่ตามซอกหินที่มีพืชชั้นต่ำจำพวกมอสส์ และตะไคร่น้ำ หรือไม่ก็อยู่ตามรากของไม้ยืนต้นที่มีอายุมาช้านาน และย้ายที่อยู่ไปเรื่อยๆ แต่ก็ยังมีที่มาทำงานที่ธนาคารกริงกอตส์






CREDIT : http://writer.dek-d.com/0012/story/viewlongc.php?id=446421&chapter=2